แผ่นยางรองพื้นฟิตเนส เป็นอุปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญในยุคที่ใครๆ ก็หันมาใส่ใจสุขภาพและการออกกำลังกายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬา ฝึกฝนในฟิตเนส หรือแม้แต่การออกกำลังกายภายในบ้าน ซึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือพื้นที่ปลอดภัย ที่ช่วยป้องกันการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นการรองรับแรงกระแทก การเสริมความมั่นคงให้การทรงตัว หรือการเพิ่มแรงเสียดทานเพื่อป้องกันการลื่นล้ม
โดยปกติพื้นคอนกรีตหรือพื้นกระเบื้องแข็งๆ จะส่งผลให้ข้อต่อและกระดูกของเรารับแรงกระแทกจากการออกกำลังกายโดยตรง ซึ่งหากทำเป็นประจำก็จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดอาการบาดเจ็บสะสมในระยะยาวได้ ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดเข่า ปวดหลัง ข้อเสื่อม หรือปัญหาอื่นๆ
การใช้แผ่นยางรองพื้นที่มีคุณภาพดี จึงช่วยลดผลกระทบเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี เพราะมีความยืดหยุ่นในระดับที่เหมาะสม สามารถดูดซับแรงกระแทก เพิ่มความสบาย และลดอัตราการบาดเจ็บระหว่างการฝึกซ้อม นอกจากนี้ยังช่วยกันลื่น ถนอมข้อเข่า เสริมประสิทธิภาพ และยืดอายุการใช้งานให้อุปกรณ์ฟิตเนสอีกด้วย
ในปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตแผ่นยางออกมาหลากหลาย เพื่อใช้กับกิจกรรมประเภทต่างๆ ตั้งแต่ที่ใช้ในบ้าน ไปจนถึงฟิตเนสเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ มีการปรับเปลี่ยนคุณสมบัติ ความหนา น้ำหนัก สีสัน และวัสดุ ไปตามความเหมาะสมของการใช้งาน ซึ่งเอื้อให้ผู้ออกกำลังกายได้เลือกใช้ให้ตรงกับความต้องการและความชอบส่วนตัว
ดังนั้นหากเราเลือกลงทุนกับแผ่นยางรองพื้นฟิตเนสที่มีคุณภาพ เหมาะกับการออกกำลังกายในแบบที่เราชื่นชอบ ก็จะเป็นการช่วยดูแลสุขภาพ เสริมสร้างประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บได้ในระยะยาว ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพื่อสุขภาพดีที่เราสามารถมีได้ด้วยตัวเอง
วิธีการเลือกซื้อแผ่นรองพื้นฟิตเนสให้เหมาะกับการใช้งาน
การเลือกซื้อแผ่นยางรองพื้นสำหรับการออกกำลังกาย ไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงามหรือราคาเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญคือต้องเลือกให้เหมาะกับประเภทการใช้งาน และความต้องการของเราด้วย เพื่อให้ได้แผ่นยางที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ และปลอดภัยต่อการใช้งานในระยะยาว โดยมีปัจจัยที่ควรพิจารณาดังนี้
- ประเภทของการออกกำลังกาย – ควรเลือกแผ่นยางให้เหมาะกับกิจกรรมที่เราทำบ่อยที่สุด เช่น ถ้าชอบเล่นโยคะหรือพิลาทิส ต้องการแผ่นที่นุ่ม ยืดหยุ่น ให้ความรู้สึกสบายและไม่ลื่น แต่ถ้าชอบเล่นคาร์ดิโอหรือกระโดดเชือก ควรเลือกแผ่นที่แข็งแรง ทนทาน กันกระแทกได้ดี
- ขนาดพื้นที่ใช้สอย – ให้วัดขนาดของพื้นที่ว่างที่เราจะวางแผ่นยาง แล้วเผื่อเนื้อที่เพิ่มอีกสัก 10-20% เพื่อให้มีพื้นที่เคลื่อนไหวที่มากพอ ถ้าเน้นพกพาไปฝึกข้างนอกด้วย ควรดูขนาดที่พอเหมาะ น้ำหนักไม่หนักจนเกินไป จะได้หิ้วไปไหนมาไหนสะดวก
- ความหนาของแผ่น – ความหนาจะบ่งบอกถึงความสามารถในการรองรับแรงกระแทก โดยทั่วไปมีตั้งแต่ 6 มม. จนถึง 20 มม. ซึ่งยิ่งหนายิ่งป้องกันแรงกระแทกได้ดี เหมาะกับการออกกำลังที่มีผลต่อข้อต่อสูง แต่ก็จะยิ่งหนักและราคาสูงขึ้นตามไปด้วย ต้องเลือกให้สมดุล
- งบประมาณที่เราเต็มใจจ่าย – งบประมาณเป็นปัจจัยหลักที่หลายๆ คนใช้ในการตัดสินใจ ราคาของแผ่นยางจะแปรผันตามขนาด ความหนา และยี่ห้อ แต่สิ่งสำคัญคือ ควรพิจารณาถึงความคุ้มค่าในระยะยาวมากกว่าแค่ราคาเบื้องต้น บางทีการลงทุนกับแผ่นที่มีคุณภาพสูงตั้งแต่แรก อาจประหยัดกว่าการซื้อแผ่นราคาถูกแต่ต้องเปลี่ยนบ่อยก็ได้
- อายุการใช้งานและการรับประกัน – แผ่นยางคุณภาพดี ที่ได้มาตรฐาน มักจะรับประกันคุณภาพและอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า โดยส่วนใหญ่อยู่ราว 1-5 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา ซึ่งเมื่อเทียบกับแผ่นราคาถูกทั่วไป จะมีความคุ้มค่าในระยะยาวมากกว่า
เมื่อเลือกแผ่นยางได้เหมาะสมแล้ว ก็จะช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการออกกำลังกายให้ดียิ่งขึ้น ทั้งในแง่ของความปลอดภัย ความถูกต้อง ความสบายในการเคลื่อนไหว และความสนุกในการฝึก ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความมั่นใจ และแรงจูงใจให้อยากออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอในระยะยาว เพื่อสุขภาพที่ยั่งยืนนั่นเอง
ข้อดีของพื้นยางฟิตเนสเมื่อเทียบกับพื้นประเภทอื่น
เมื่อเปรียบเทียบแผ่นยางรองพื้นกับวัสดุอื่นๆ ที่นิยมใช้ปูพื้นฟิตเนส เช่น กระเบื้อง, ลามิเนต, ไม้เนื้อแข็ง, ปูนซีเมนต์ หรือพรม จะเห็นได้ว่าแผ่นยางมีข้อดีที่เหนือกว่าในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น
- ความปลอดภัยสูง ช่วยลดแรงกระแทกได้ดีกว่า พื้นยางที่มีความยืดหยุ่น จะรับแรงปะทะแล้วช่วยบรรเทาแรงส่งไปยังร่างกายได้ดีกว่าพื้นแข็ง ซึ่งจากงานวิจัยพบว่าพื้นยางลดแรงกระแทกได้มากกว่าพื้นคอนกรีตถึง 35-50% และมากกว่าพื้นไม้ถึง 18% โดยแรงที่ลดลงจะช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บสะสมที่ข้อเข่า สะโพก ข้อเท้า และกระดูกสันหลัง ซึ่งมักพบเจอได้บ่อยในคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ โดยเฉพาะกิจกรรมประเภทกระโดด หรือที่มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
- ป้องกันการลื่นล้ม เพิ่มความมั่นคงในการทรงตัว พื้นผิวของยางส่วนใหญ่จะออกแบบมาให้มีความหยาบนูนเล็กน้อย แม้บางรุ่นจะดูเรียบ แต่ก็ยังมีการเคลือบน้ำยากันลื่นเอาไว้ ทำให้เท้าสามารถยึดเกาะได้ดีมากกว่าพื้นกระเบื้องหรือลามิเนต โดยเฉพาะยามพื้นเปียกหรือมีเหงื่อเยอะ ก็ยังช่วยป้องกันการลื่นไถลได้มั่นใจ ขณะที่พื้นแข็งนั้น ยิ่งเรียบ ยิ่งมีโอกาสจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่า
- ช่วยเก็บเสียงได้ดี ไม่ก่อให้เกิดเสียงรบกวน ยางมีคุณสมบัติในการดูดซับเสียงได้ดี จึงสามารถลดปัญหาเรื่องเสียงดังจากการฝึกซ้อม ทั้งเสียงฝีเท้า การกระแทกของอุปกรณ์ หรือการเคลื่อนย้ายเครื่องเล่น ให้เบาลงได้อย่างน่าพอใจ โดยเสียงจะไม่สะท้อนออกไปรบกวนผู้อื่น ซึ่งต่างจากพื้นกระเบื้องหรือคอนกรีต ที่มักเกิดเสียงก้องหรือสะท้อนกลับ ทำให้บางทีดังจนน่ารำคาญ หรือทำให้ขาดสมาธิในการออกกำลังกาย
- ถนอมอุปกรณ์ให้ใช้งานได้ยืนยาวกว่า พื้นยางที่มีความยืดหยุ่นนุ่ม จะเป็นตัวรองรับน้ำหนักของเครื่องออกกำลังกายส่วนใหญ่ได้ดีกว่าพื้นแข็ง เมื่อลดแรงปะทะและการสั่นสะเทือนที่จุดสัมผัส ก็จะช่วยป้องกันความเสียหายที่เกิดจากแรงเสียดสี ทำให้อุปกรณ์ต่างๆ เครื่องเล่น เครื่องยก ลู่วิ่ง จักรยาน สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้น ไม่เสื่อมสภาพหรือพังง่าย เหมือนกับตอนวางบนพื้นคอนกรีตหรือกระเบื้อง
- บำรุงรักษาง่าย ทำความสะอาดสะดวก แผ่นยางส่วนใหญ่มีเนื้อผิวที่เรียบเนียน ไม่มีรอยต่อ จึงไม่เป็นแหล่งสะสมฝุ่นผงหรือคราบสกปรก นอกจากนี้พื้นผิวยางยังมีความต้านทานน้ำ กันน้ำมัน และสารเคมีต่างๆได้ดี แค่ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ หรือน้ำยาเช็ดถูทำความสะอาดทั่วไป ก็เช็ดถูได้ง่ายๆ ไม่ต้องขัดถูหนัก ไม่ว่าจะเป็นคราบฝุ่น คราบเหงื่อ หรือคราบโคลนตม ส่วนพื้นประเภทอื่น อย่างพรมหรือลามิเนต อาจจะดูดซับคราบ หรือต้องใช้เครื่องมือพิเศษ ทำให้เสียเวลาและยุ่งยากกว่ามาก
- มีหลากหลายรูปแบบ สีสัน ให้เลือกตามใจชอบ แผ่นยางปูพื้นในปัจจุบัน มีการพัฒนาให้มีสีสัน ลวดลาย และไซส์ที่หลากหลาย สามารถเลือกปูได้ตามสไตล์ที่ต้องการ ทั้งแบบพื้นเรียบสีพื้น สีหลายเฉดไล่ระดับ หรือมีลวดลายเท่ๆ เสมือนกราฟฟิกบนพื้น ขณะที่แผ่นยางบางชนิดยังสามารถสั่งทำพิมพ์ลายหรือสกรีนโลโก้เฉพาะได้อีกด้วย ซึ่งพื้นกระเบื้อง พื้นปูน หรือพรม มักจะมีสีให้เลือกน้อย หรือต้องลงทุนสูงกว่านี้มาก
จากข้อดีที่หลากหลาย ทั้งเรื่องความปลอดภัย สมรรถนะ และความสวยงาม จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แผ่นยางกันกระแทกจะถูกเลือกใช้เป็นวัสดุปูพื้นหลักสำหรับฟิตเนสในปัจจุบัน เพราะนอกจากจะช่วยปกป้องร่างกายผู้ใช้งาน ลดการบาดเจ็บ เพิ่มประสิทธิภาพในการซ้อมแล้ว ยังเป็นการปกป้องอุปกรณ์ให้ทนทานคุ้มค่ากับการลงทุนในระยะยาว พร้อมด้วยความสวยงามที่ปรับแต่งได้อีกด้วย
5 ข้อควรระวังในการออกกำลังกายบนพื้นยางปูพื้นฟิตเนส
แม้ว่าแผ่นยางปูพื้นจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการออกกำลังกายได้ดีก็ตาม แต่ก็ยังมีข้อควรระวังบางประการที่ต้องคำนึงถึง เพื่อป้องกันการบาดเจ็บและยืดอายุการใช้งานของแผ่นยาง ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการใช้รองเท้าผิดประเภท การสวมรองเท้าที่ไม่เหมาะกับประเภทกีฬา เช่น รองเท้าส้นสูง รองเท้าแตะ หรือรองเท้าที่มีขอบหนา อาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนหรือตำหนิบนผิวยาง รวมถึงอาจเกิดอุบัติเหตุหรือได้รับบาดเจ็บได้ง่ายกว่า เพราะไม่มีแรงยึดเกาะที่เพียงพอ ควรเลือกรองเท้าที่ออกแบบมาสำหรับออกกำลังโดยเฉพาะ ที่มีพื้นกันลื่น ระบายอากาศ และมีน้ำหนักเบา จะปลอดภัยกว่า
- อย่าลากหรือวางอุปกรณ์หนักๆ บนแผ่นยางโดยตรง การใช้แผ่นยางรองอุปกรณ์ หรือเครื่องเล่นที่มีน้ำหนักมาก เป็นเวลานานๆ อาจทำให้แผ่นยางยุบตัวหรือเป็นรอยบุ๋มได้ในระยะยาว ซึ่งจะส่งผลต่อสมรรถนะในการรองรับแรงและอายุการใช้งานที่ลดลง ดังนั้นควรใช้แผ่นรองหรือตัวถ่ายน้ำหนัก เพื่อกระจายแรงให้ทั่วบริเวณ ไม่ให้กดลงบนจุดใดจุดหนึ่งมากเกินไป หากเป็นไปได้ควรเคลื่อนย้ายเป็นระยะๆ เพื่อให้แผ่นยางได้คืนตัวบ้าง
- ทำความสะอาดสม่ำเสมอ ด้วยวิธีและน้ำยาที่ถูกต้อง ควรทำความสะอาดแผ่นยางอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการกวาด เช็ดถูฝุ่นผง เศษผง หรือคราบเหงื่อต่างๆ ออกไปเป็นประจำ โดยใช้น้ำยาทำความสะอาดที่อ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของสารกัดกร่อน และใช้ผ้านุ่ม ผ้าไมโครไฟเบอร์ หรือฟองน้ำเนื้อนิ่ม ที่ชุบน้ำหมาดๆ บิดพอหมาด เช็ดถูเบาๆ ไม่ควรขัดถูแรงๆ เพราะจะทำให้ยางสึกหรอหรือหลุดลอกก่อนเวลาอันควร
- ระวังของมีคมหรือของแหลม กระแทกหรือบาดผิวยาง อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แผ่นยางเสียหายก่อนเวลา นอกจากการขัดถูแรงๆ แล้ว ก็คือการถูกของมีคม ของแหลม เช่น มีด เข็ม ตะปู ปลายขาเก้าอี้ กรรไกร มาบาดหรือกรีดผิวหน้ายาง ทำให้เป็นรอยแผลเป็น ฉีกขาด หรือมีเศษผงยางหลุดออกมา ดังนั้นต้องระวังอย่างเข้มงวดในเรื่องนี้ โดยอย่าวางสิ่งของประเภทนี้บนพื้นเด็ดขาด หากเกิดเหตุขึ้น ควรรีบซ่อมแซมทันทีด้วยกาวและปะเป๋าผ้ายางเพื่ออุดรอยรั่ว ไม่ให้ลุกลามมากขึ้น
- พับหรือม้วนเก็บอย่างถูกวิธี อย่าหักงอจนเกินไป เวลาจัดเก็บแผ่นยาง ไม่ควรพับหรือหักงอจนเป็นมุมแหลมๆ เพราะอาจทำให้เกิดรอยแตกหรือคราบขาวที่ขอบมุมได้ง่าย ควรค่อยๆม้วนหรือพับเก็บด้วยวิธีที่เหมาะสม หากยางค่อนข้างแข็งก็อาจต้องอุ่นให้นุ่มก่อนจะม้วน จะช่วยให้ยางเสียรูปน้อยลง พร้อมใช้งานในครั้งต่อไป เก็บรักษาในสถานที่แห้ง อากาศถ่ายเทได้ดี ไม่อับชื้น เพื่อยืดอายุการใช้งาน
หากใช้และดูแลแผ่นยางรองพื้นอย่างถูกวิธี ก็จะสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย ทนทาน คงทน เหมือนใหม่ไปอีกนานแสนนาน คุ้มค่ากับการลงทุนอย่างแน่นอน
คุณสมบัติของแผ่นยางรองพื้นห้องฟิตเนส
แผ่นยางรองพื้นฟิตเนส มีคุณสมบัติพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานที่หนักและต่อเนื่อง พร้อมปกป้องร่างกายของผู้ฝึกซ้อมจากอาการบาดเจ็บต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
ความปลอดภัยและการป้องกันการกระแทก
คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของแผ่นยางรองพื้นก็คือการช่วยลดแรงกระแทกจากการฝึกซ้อม เพื่อปกป้องข้อต่อและกระดูกของผู้ใช้งานนั่นเอง
จากการศึกษาวิจัยพบว่า การใช้แผ่นยางรองพื้นในการออกกำลังกาย สามารถลดแรงกระแทกที่เข่าได้มากกว่าการออกกำลังบนพื้นคอนกรีตถึง 35.8% เลยทีเดียว และลดแรงกระแทกที่ข้อเท้าได้มากถึง 18.9% ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่าการใช้แผ่นยางช่วยดูดซับแรงได้ดีกว่าพื้นแข็งทั่วไปมาก
การดูดซับแรงกระแทกที่ดี ก็เพราะแผ่นยางมีความหยืดหยุ่นสูง เมื่อได้รับน้ำหนักหรือแรงกดทับ แผ่นยางจะสามารถยุบตัวลงเพื่อรับแรงไว้ชั่วขณะ ก่อนจะคืนตัวกลับเหมือนเดิม ด้วยเทคโนโลยีนี้ ทำให้แรงไม่ส่งผ่านไปยังข้อต่อและกระดูกของผู้ฝึกโดยตรง ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการป้องกันอาการปวดหัวเข่า ปวดหลัง เอ็นข้อเท้าอักเสบ หรือโรครองช้ำจากการฝึกหนักนั่นเอง
การกันลื่น
อีกคุณสมบัติเด่นของแผ่นยางคือการออกแบบพื้นผิวที่มีความเสียดทานเพียงพอ เพื่อป้องกันการลื่นและหกล้มระหว่างการฝึกซ้อม
แผ่นยางรองพื้นส่วนใหญ่นั้นจะมีผิวสัมผัสที่ขรุขระเล็กน้อย ทำจากยางธรรมชาติหรือยางสังเคราะห์ที่มีคุณภาพ ซึ่งจะเพิ่มแรงเสียดทานบนพื้นผิว ช่วยให้เกาะติดกับพื้นรองเท้าได้อย่างมั่นคง ขณะออกกำลังกายก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอุบัติเหตุจากการลื่นไถล ไม่ว่าพื้นจะเปียกหรือมีเหงื่อติดอยู่บ้าง ก็มั่นใจได้ว่ายังสามารถยืนหยัด ทรงตัวได้ดี
ซึ่งจะแตกต่างจากพื้นกระเบื้องหรือปูนซีเมนต์ที่มักมีผิวลื่นหรือขัดมัน ทำให้ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในการเคลื่อนไหว ยิ่งเมื่อเทียบกับพื้นไม้ก็ยิ่งเห็นชัดว่าพื้นยางมีความปลอดภัยมากกว่ามาก เพราะไม่ต้องกลัวเรื่องเศษผงหรือสิ่งสกปรกที่อาจทำให้ลื่นได้ง่าย
การลดเสียงรบกวน
ปัญหาเรื่องเสียงดังจากการออกกำลัง ก็เป็นอีกสิ่งที่แผ่นยางรองพื้นสามารถแก้ไขได้เป็นอย่างดี เพราะยางมีคุณสมบัติในการเก็บเสียงและลดการสะท้อนของคลื่นเสียง ที่ดีกว่าวัสดุประเภทอื่นๆ
จากการศึกษางานวิจัยพบว่า การรองพื้นด้วยแผ่นยาง สามารถลดเสียงกระแทกจากการวิ่งได้ถึง 20-34 dB เมื่อเทียบกับพื้นคอนกรีต ในขณะที่พื้นลามิเนตหรือพื้นไม้สามารถลดได้เพียง 2-5 dB เท่านั้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่าแผ่นยางมีความสามารถด้านนี้ได้ดีกว่าวัสดุทั่วไปมาก
ความสามารถในการดูดซับเสียงนี้ ทำให้การฝึกซ้อมบนแผ่นยางแทบไม่มีเสียงดังรบกวนแม้ในสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน หรือมีเครื่องเล่นที่สร้างเสียงดัง ก็ช่วยลดทอนความดังลงได้อย่างน่าพอใจ ทำให้มีสมาธิในการฝึกซ้อมได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นมิตรต่อเพื่อนร่วมออกกำลังด้วย ไม่ต้องมานั่งหงุดหงิดกับเสียงดังจ้าหูให้เสียอารมณ์อีกต่อไป
คุณสมบัติเด่นทั้ง 3 ประการนี้ ทำให้ใครๆ ก็อยากเลือกใช้แผ่นยางรองพื้นเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในการออกกำลัง เพราะนอกจากจะปลอดภัย ปกป้องร่างกายจากการบาดเจ็บแล้ว ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการฝึกให้ดียิ่งขึ้น ทั้งเรื่องการทรงตัว การจัดวางท่าทาง การหายใจเพื่อสมาธิที่ดี ซึ่งล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายทางด้านสุขภาพและความฟิตได้เร็วขึ้นนั่นเอง
แผ่นยางปูพื้นห้องฟิตเนส กับการป้องกันการบาดเจ็บของข้อต่อ
การปกป้องข้อต่อให้ปลอดภัย ถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ในการออกกำลังกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการฝึกด้วยแรงกระแทกในระดับสูง เช่น การกระโดด การวิ่ง การเต้นแอโรบิค หรือการยกน้ำหนัก ซึ่งล้วนส่งผลโดยตรงต่อข้อต่อต่างๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นข้อเข่า ข้อเท้า ข้อสะโพก หรือข้อไหล่ หากไม่ระมัดระวังให้ดีก็อาจนำไปสู่อาการบาดเจ็บได้ง่าย
การเลือกพื้นผิวที่เหมาะสมจึงเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงในการฝึกซ้อม ซึ่งจากงานวิจัยหลายชิ้นระบุตรงกันว่า การใช้แผ่นยางรองพื้นจะช่วยลดแรงกระแทกต่อข้อต่อได้ดีกว่าพื้นแข็งทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัย เซาเทิร์น ยูทาห์ สเตท ในสหรัฐอเมริกา ทำการศึกษาเปรียบเทียบแรงกระแทกที่ส่งผลต่อหัวเข่าของนักวิ่ง ระหว่างการวิ่งบนพื้นคอนกรีต กับพื้นที่ปูด้วยยางสังเคราะห์ โดยใช้อุปกรณ์ตรวจวัดพลศาสตร์แบบพิเศษ ผลปรากฏว่า การวิ่งบนพื้นยางช่วยลดแรงกระแทกที่หัวเข่าได้ถึง 28% เมื่อเทียบกับการวิ่งบนคอนกรีต และลดแรงกระแทกที่ข้อเท้าได้ถึง 21%
ในขณะที่งานวิจัยอีกชิ้นจากประเทศออสเตรเลีย ก็ให้ผลสอดคล้องกัน โดยระบุว่าการใช้แผ่นรองพื้นยางขนาด 2 ซม. สามารถลดแรงกระแทกจากการกระโดดได้มากถึง 38% และลดอัตราการบาดเจ็บจากการฝึกซ้อมในระยะยาวได้ถึง 44% เมื่อเทียบกับการกระโดดบนพื้นไม้เนื้อแข็ง
จากผลการศึกษาทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของแผ่นยางในการดูดซับแรงกระแทกได้อย่างชัดเจน โดยลดแรงที่ส่งผ่านไปยังข้อต่อขณะออกกำลัง ทำให้ข้อต่อปลอดภัยมากขึ้น ไม่สึกหรอหรือเสียหายจากการใช้งานหนัก จึงช่วยลดโอกาสเกิดอาการเจ็บป่วยต่างๆ เช่น โรคข้อเข่าเสื่อม ข้อสะโพกอักเสบ หรือเอ็นร้อยหวายอักเสบ ที่มักพบบ่อยในกลุ่มนักกีฬา
ดังนั้น การเลือกใช้แผ่นยางปูพื้นที่มีคุณภาพ จะช่วยปกป้องและรักษาอายุการใช้งานของข้อต่อสำคัญๆ ให้ยืนยาว ไม่เสื่อมสลายไปก่อนวัยอันควร อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพ ความแข็งแรง และช่วยให้ข้อต่อเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วมากขึ้น สร้างความสบายตัว ปราศจากความเจ็บปวดในการฝึกซ้อมอีกด้วย
การเลือกแผ่นยางรองพื้นที่เหมาะสม
ในปัจจุบันแผ่นยางรองพื้นฟิตเนส มีให้เลือกหลากหลายทั้งชนิด ขนาด ความหนา สีสัน และคุณสมบัติต่างๆ ซึ่งอาจทำให้ผู้ซื้อเกิดความสับสนได้ว่าจะเลือกแบบใดให้เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด ดังนั้นก่อนตัดสินใจ ควรพิจารณาปัจจัยที่สำคัญ ดังนี้
ปัจจัยที่ควรพิจารณา
- ดูจากประเภทกิจกรรม – พิจารณาจากประเภทของการออกกำลังที่ทำบ่อยที่สุด เช่น หากชอบคาร์ดิโอ วิ่ง หรือกระโดด ควรเลือกแผ่นที่รองรับแรงกระแทกได้ดี ส่วนโยคะ พิลาทิส ให้เลือกแผ่นบางเบา นุ่ม ผิวมีความเสียดทาน
- ดูตามพื้นที่ใช้งาน – วัดขนาดของพื้นที่ว่างที่มี เผื่อบริเวณเคลื่อนไหวไว้บ้าง แล้วดูความหนาที่เหมาะสมกับการวางซ้อนทับกับพื้นเดิม รวมถึงงบประมาณที่ตั้งไว้
- ความคงทนต่อการใช้งาน – ควรเลือกแผ่นยางที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ทนต่อแรงกระแทกและการฉีกขาดได้ดี ไม่เสียรูปหรือแตกง่าย ดูจากวัสดุที่ใช้ผลิต ยี่ห้อที่ผ่านการรับรอง และรายละเอียดของสินค้า
- ความสะดวกในการเคลื่อนย้าย – หากต้องการเคลื่อนย้ายบ่อย หรือใช้ในที่ต่างๆ ควรเลือกแผ่นที่มีน้ำหนักเบา ม้วนพับได้ ขนาดพอดีที่จะถือหิ้วไปได้ทุกที่
- ลวดลายและสีสัน – แผ่นยางมีให้เลือกหลากสีและลวดลาย ตั้งแต่แบบพื้นๆ ไปจนถึงลายกราฟฟิกที่โดดเด่น ก็ให้เลือกตามความชอบส่วนตัว หรือเข้ากับธีมของห้องออกกำลังนั้นๆ
- การรับประกันและความคุ้มค่า – ดูจากอายุการใช้งาน การรับประกันสินค้า และเทียบราคากับคุณภาพโดยรวม อาจต้องลงทุนสูงหน่อย แต่คุ้มค่าในระยะยาว ดีกว่าซื้อถูกแต่ต้องเปลี่ยนบ่อย
เมื่อพิจารณาทุกปัจจัยแล้ว ก็ให้ลองนำข้อมูลมาเทียบเคียงกับความต้องการของตัวเองอีกรอบ ว่าสิ่งไหนเป็นสิ่งจำเป็น สิ่งไหนเป็นสิ่งที่ปรับได้ เพื่อให้การตัดสินใจมีความแม่นยำขึ้น ถ้ายังไม่มั่นใจสุดท้ายก็ลองสอบถามผู้เชี่ยวชาญหรืออ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริงดู เป็นข้อมูลเสริมที่ช่วยได้มากเลยทีเดียว
ความต้องการและงบประมาณ
อีกสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาควบคู่ไปกับปัจจัยด้านประสิทธิภาพต่างๆ ก็คือความต้องการของผู้ใช้เองนั่นเอง เราต้องรู้ว่าเราต้องการแผ่นยางรองพื้นไปเพื่ออะไร ใช้งานประเภทใด และมีพื้นที่กว้างขนาดไหน
นอกจากนี้ก็ต้องกำหนดงบประมาณที่เรามีอยู่ด้วย โดยดูจากราคากลางของตลาด ว่าเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมกับคุณภาพของสินค้า ซึ่งโดยทั่วไปราคาจะอยู่ที่ ตร.ม. ละ 500-2,000 บาท แล้วแต่ยี่ห้อและส่วนผสมของยาง โดยยางสังเคราะห์อย่าง EPDM จะมีราคาสูงกว่ายางธรรมชาติทั่วไป
หลายคนมักเข้าใจผิดว่า ยิ่งถูกยิ่งประหยัด แต่จริงๆแล้ว การลงทุนกับสิ่งที่มีคุณภาพดีตั้งแต่แรก แม้อาจจะแพงกว่าสักหน่อย แต่ก็มักจะคุ้มค่ากว่าในระยะยาว เพราะมีความคงทนถาวร ไม่ต้องซ่อมบำรุงหรือเปลี่ยนใหม่บ่อยๆ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะ ที่สำคัญสุขภาพข้อต่อและร่างกายไม่ต้องเสื่อมไปก่อนวัยอันควรด้วย
ดังนั้นการตัดสินใจเลือกซื้อแผ่นยางรองพื้นให้ดี ต้องพิจารณาให้ครบทุกด้าน ทั้งประเภทการใช้งาน คุณสมบัติ งบประมาณที่มี และความต้องการของผู้ใช้เป็นหลัก เพื่อให้ได้แผ่นยางที่ตอบโจทย์การฝึกซ้อมได้ดีที่สุด คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป และที่สำคัญช่วยปกป้องสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ฟิตได้อย่างปลอดภัยและยั่งยืนไปตลอดทุกการออกกำลังกายนั่นเอง