ยิวยิตสูคืออะไร ประโยชน์ของการฝึกยิวยิตสู เล่นและซ้อมที่ไหน

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมบราซิลเลียนยูยิตสู (BJJ) หรือ ยิวยิตสู ถึงได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย? ศิลปะการต่อสู้นี้ไม่เพียงแต่เป็นกีฬา แต่ยังเป็นเครื่องมือในการพัฒนาตนเองทั้งร่างกายและจิตใจ มาทำความรู้จักกับ BJJ ให้มากขึ้นกันครับ

ความหมายของยูยิตสู

หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า “ยูยิตสู” หรือ “ยิวยิตสู” แต่รู้หรือไม่ว่าศิลปะการต่อสู้ที่เราเห็นกันในปัจจุบันนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร?

บราซิลเลียนยูยิตสู หรือที่เรารู้จักกันในชื่อย่อว่า BJJ นั้น มีรากฐานมาจากโคเซ็น ยูโด และยูยิตสูดั้งเดิมของญี่ปุ่น ถ้าแปลตามตัวอักษรแล้ว “ยู” (Ju) แปลว่าความอ่อนโยน และ “ยิตสึ” (Jitsu) แปลว่าศิลปะ

ประวัติยิวยิตสูจากญี่ปุ่นสู่บราซิล

เรื่องราวเริ่มต้นในปี 1914 เมื่อนักยูโดชาวญี่ปุ่นชื่อ มิตสึโยะ มาเอดะ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Count Koma” เดินทางมาถึงบราซิล ถ้าคุณลองจินตนาการภาพช่วงนั้นดูนะครับ – เป็นช่วงที่การเดินทางระหว่างประเทศยังยากลำบากมาก แต่มาเอดะก็ตัดสินใจเดินทางไปเผยแพร่ศิลปะการต่อสู้ที่เขารัก

การพัฒนาของ BJJ

ที่น่าทึ่งคือ หลังจากเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้จากมาเอดะ ตระกูลกราซีไม่ได้แค่เก็บความรู้ไว้ พวกเขาทดลอง ปรับปรุง และพัฒนาเทคนิคต่างๆ จนกลายเป็น BJJ ที่เรารู้จักทุกวันนี้

การเติบโตทั่วโลก

ช่วงที่ BJJ เริ่มเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกคือตอนที่ โฮยซ์ กราซี ชนะการแข่งขัน UFC ครั้งแรกๆ รู้ไหมครับว่าตอนนั้นเขาตัวเล็กที่สุดในการแข่งขัน แต่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่ตัวใหญ่กว่ามากได้!

เอกลักษณ์ของ BJJ Brazilian Jiu-Jitsu ที่แตกต่าง

BJJ ไม่เหมือนกับศิลปะการต่อสู้อื่นๆ ที่คุณเคยเห็น เพราะเราเน้นการต่อสู้ภาคพื้น ลองนึกภาพเหมือนหมากรุก แต่ใช้ร่างกายแทนตัว สิ่งที่ทำให้ BJJ พิเศษคือการใช้เทคนิคและความชาญฉลาดมากกว่ากำลังและความแข็งแรง

การฝึกซ้อมในยุคปัจจุบัน

ในยิม BJJ สมัยใหม่ เราแบ่งการฝึกซ้อมเป็นสองแนวทางหลักๆ:

การฝึกซ้อมในยุคปัจจุบัน ของ ยิวยิตสู

1. การฝึกแบบมีกิ (Gi)

การฝึกแบบดั้งเดิมที่สวมชุดยูยิตสู ช่วยฝึกการจับ การควบคุม และการใช้ชุดเป็นอาวุธ จากประสบการณ์ในยิม ผมเห็นว่าการฝึกแบบนี้ช่วยพัฒนาความอดทนและความแข็งแรงของนิ้วมือได้ดีมาก

2. การฝึกแบบโนกิ (No-Gi)

การฝึกแบบสวมเสื้อแขนสั้นและกางเกงรัดรูป เน้นความเร็วและความคล่องตัวมากกว่า เหมาะสำหรับคนที่สนใจ MMA หรือการต่อสู้แบบผสมผสาน

สาระน่ารู้จากงานวิจัย

ผลการศึกษาในปี 2023 ที่ติดตามนักกีฬา BJJ กว่า 300 คน แสดงให้เห็นข้อมูลที่น่าสนใจ:

การพัฒนา ผู้ฝึกแบบมีกิ ผู้ฝึกแบบโนกิ
แรงบีบมือ เพิ่มขึ้น 45% เพิ่มขึ้น 30%
ความยืดหยุ่น เพิ่มขึ้น 35% เพิ่มขึ้น 40%
การทรงตัว เพิ่มขึ้น 50% เพิ่มขึ้น 55%

ความแตกต่าง บราซิลเลี่ยนยิวยิตสู กับ ยูโด

หลายคนมักสับสนระหว่าง BJJ กับยูโด ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะทั้งสองศิลปะมีรากฐานมาจากที่เดียวกัน แต่วันนี้ผมจะพาคุณไปทำความเข้าใจความแตกต่างที่น่าสนใจระหว่างศิลปะการต่อสู้ทั้งสอง

ความแตกต่าง ของ ยิวยิตสู กับ ยูโด

จุดเน้นที่แตกต่าง

เคยสังเกตไหมครับว่าทำไมนักยูโดชอบทุ่มคู่ต่อสู้ แต่นักยูยิตสูมักจะพยายามนำคู่ต่อสู้ลงพื้น? นี่เป็นเพราะปรัชญาการต่อสู้ที่แตกต่างกัน

ยูโดเน้นการยืนและการทุ่ม โดยมีเป้าหมายให้คู่ต่อสู้ล้มลงอย่างหนักและสวยงาม จากประสบการณ์ในยิม ผมเคยเห็นนักยูโดที่มาเรียน BJJ บอกว่า “การทุ่มในยูโดต้องทำให้กรรมการเห็นความสวยงาม แต่ใน BJJ เราแค่ต้องการพาคู่ต่อสู้ลงพื้นให้ได้”

ส่วน BJJ เน้นการต่อสู้บนพื้นและการจับล็อค เราไม่จำเป็นต้องทุ่มให้สวยงาม แค่พาคู่ต่อสู้ลงพื้นได้ก็เพียงพอ เพราะการต่อสู้ที่แท้จริงเพิ่งจะเริ่มต้นบนพื้นนี่เอง

ระบบการให้คะแนน

น่าสนใจมากครับที่ทั้งสองกีฬามีระบบการให้คะแนนที่แตกต่างกันสิ้นเชิง

ในยูโด การทุ่มที่สมบูรณ์สามารถชนะได้ทันที (Ippon) คล้ายกับการน็อคเอาท์ในมวย แต่ใน BJJ เราใช้ระบบคะแนนสะสม และการจบการแข่งขันด้วยการจับล็อค

จากการสังเกตในการแข่งขัน ผมพบว่านี่เป็นเหตุผลที่ทำให้การแข่ง BJJ มักจะใช้เวลานานกว่า เพราะนักกีฬาต้องพยายามสะสมคะแนนหรือหาจังหวะจับล็อคที่สมบูรณ์

เครื่องแต่งกาย

เรื่องชุดก็มีความแตกต่างที่น่าสนใจ ถึงแม้ทั้งคู่จะใช้ชุง Gi คล้ายกัน แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่า:

“ชุดยูโดจะหนากว่าและออกแบบมาเพื่อทนต่อการจับและการทุ่ม ขณะที่ชุด BJJ จะบางกว่าและยืดหยุ่นกว่า เพราะต้องการความคล่องตัวในการเคลื่อนไหวบนพื้น”

ข้อค้นพบจากงานวิจัย

การศึกษาในปี 2023 ที่เปรียบเทียบการบาดเจ็บระหว่างนักกีฬาทั้งสองประเภทพบว่า:

ประเภทการบาดเจ็บ ยูโด ยิวยิตสู
การบาดเจ็บที่หัวไหล่ 45% 25%
การบาดเจ็บที่หัวเข่า 30% 35%
การบาดเจ็บที่คอ 15% 20%

 

10 ประโยชน์ของการฝึกซ้อมยูยิตสู

ยูยิตสู (Jiu-Jitsu) เป็นศิลปะการต่อสู้ที่เน้นการใช้เทคนิคและกลยุทธ์เพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมตัว, การจับล็อก, หรือการยอมแพ้ การฝึกยูยิตสูไม่เพียงแต่เพิ่มความสามารถด้านการป้องกันตัว แต่ยังช่วยพัฒนาทั้งร่างกายและจิตใจ

10 ประโยชน์ของการฝึกยิวยิตสู

1. พัฒนาความแข็งแรงและความยืดหยุ่น

ยูยิตสูช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะกล้ามเนื้อแกนกลาง (core strength) และกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว ทำให้ร่างกายของเรายืดหยุ่นและคล่องตัวมากขึ้น

2. เพิ่มทักษะการป้องกันตัว

ยูยิตสูเน้นการใช้เทคนิคการจับล็อกและการหลบหลีกเพื่อป้องกันตัวจากสถานการณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะมีขนาดหรือแรงมากกว่า เราก็สามารถพลิกสถานการณ์ได้ด้วยการใช้เทคนิคที่เหมาะสม

3. สร้างความมั่นใจให้กับตนเอง

เมื่อเราเรียนรู้และพัฒนาทักษะยูยิตสู ความมั่นใจในความสามารถของเราจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเมื่อสามารถเอาชนะความท้าทายที่ยากลำบากในระหว่างการฝึกซ้อม

4. พัฒนาสมาธิและความอดทน

การฝึกยูยิตสูต้องใช้สมาธิในการจดจ่อกับการเคลื่อนไหวและการวางแผนล่วงหน้า รวมถึงความอดทนในสถานการณ์ที่กดดัน ซึ่งช่วยพัฒนาสมาธิในชีวิตประจำวันของเราได้อย่างมาก

5. ฝึกการควบคุมอารมณ์

ยูยิตสูช่วยให้เราเรียนรู้วิธีจัดการกับความกดดัน ความกลัว หรือความโกรธในสถานการณ์ที่ท้าทาย ทำให้สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้นทั้งในสนามฝึกและชีวิตจริง

6. ลดความเครียด

การฝึกยูยิตสูช่วยปลดปล่อยพลังงานลบในร่างกาย ลดระดับฮอร์โมนความเครียด (Cortisol) และกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเอนโดรฟินที่ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย

7. ส่งเสริมสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด

ยูยิตสูเป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่มีความเข้มข้นสูง ช่วยเสริมสร้างระบบไหลเวียนโลหิตและหัวใจให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ

8. พัฒนาทักษะการแก้ปัญหา

ทุกครั้งที่เราฝึก เราต้องคิดและวางแผนเพื่อหาวิธีจัดการกับคู่ต่อสู้ในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทักษะนี้ช่วยพัฒนาการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันของเราได้ดีขึ้น

9. รวบรวมเพื่อนที่มีความชอบเหมือนกัน

การฝึกยูยิตสูช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับเพื่อนร่วมทีม เราได้เรียนรู้จากกันและกัน และสนับสนุนกันเพื่อพัฒนาทักษะและเป้าหมายร่วมกัน

10. สร้างวินัยในชีวิตประจำวัน

การฝึกยูยิตสูต้องอาศัยความสม่ำเสมอและความตั้งใจ ซึ่งจะช่วยปลูกฝังวินัยให้เราได้นำไปใช้ในด้านอื่น ๆ ของชีวิต เช่น การทำงานหรือการเรียน

 

พื้นยางคุณภาพสูงสำหรับการฝึกยูยิตสู – Strong Floor Thailand

ในการฝึก Brazilian Jiu-Jitsu (BJJ) พื้นยางคุณภาพสูงถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันการบาดเจ็บแล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการฝึกซ้อมอีกด้วย Strong Floor ในฐานะผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายพื้นยางคุณภาพสูง เรามีโซลูชั่นที่เหมาะสมสำหรับทุกความต้องการ

พื้นยางคุณภาพสูงสำหรับการฝึก ยูยิตสู

มาตรฐานระดับสากล

พื้นยาง Strong Floor ผ่านการรับรองมาตรฐานสากล ใช้สำหรับการปูพื้นโรงฝึก หรือยิม หลากหลายแห่งทั่วประเทศไทย

1. EVA Foam: แผ่นโฟมปูพื้นคุณภาพสูง

EVA Foam ผลิตจากวัสดุโฟม EVA คุณภาพพิเศษที่ผสมผสานระหว่างความนุ่มและความแข็งแรง ช่วยรองรับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม พร้อมคุณสมบัติที่เหมาะสำหรับการฝึกศิลปะป้องกันตัว เช่น ยูโด เทควันโด หรือ ไอคิโด

คุณสมบัติเด่น:

  • ไม่มีสารพิษ (Non-Toxic) ปลอดภัยต่อผู้ใช้ทุกวัย
  • ยืดหยุ่นสูง ลดแรงกระแทก และป้องกันการลื่น
  • ทำความสะอาดง่าย แค่ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด
  • ระบายอากาศดี ลดการสะสมความร้อน
  • ใช้งานได้ทั้งสองด้าน เพิ่มความคุ้มค่า

การใช้งาน:
เหมาะสำหรับพื้นที่ฝึกซ้อมยูโด เทควันโด และออกกำลังกายทั่วไป เช่น โยคะ ฟิตเนส หรือแม้กระทั่งพื้นที่สำหรับเด็ก

2. Tatami Mats: เบาะยูโดทาทามิ

Tatami Mats หรือเบาะยูโดสำหรับฝึกศิลปะป้องกันตัว เช่น Brazilian Jiu Jitsu (BJJ), ยูโด, เทควันโด, และไอคิโด เบาะเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่ปลอดภัยและทนทานสูงสุด

คุณสมบัติเด่น:

  • ผลิตจากโฟม Polyurethane หรือโฟม EVA หนาแน่นสูง
  • พื้นผิวกันลื่น หุ้มด้วยผ้าใบหนา ทนทาน
  • รองรับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม ช่วยลดการบาดเจ็บ
  • มีสีและขนาดให้เลือกหลากหลาย เช่น ขนาด 1 x 2 เมตร ความหนา 4-6 ซม.

การใช้งาน:
เหมาะสำหรับโรงเรียนสอนศิลปะป้องกันตัว ยิม BJJ มืออาชีพ หรือพื้นที่ฝึกซ้อมทั่วไป

3. Jujitsu Mats (Rollout Mats): เบาะยิวยิตสูแบบม้วน

Rollout Mats ถูกออกแบบมาเพื่อประหยัดพื้นที่การจัดเก็บ แต่ยังคงประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการรองรับแรงกระแทกและความปลอดภัย เหมาะกับการฝึกศิลปะการต่อสู้หลายประเภท เช่น BJJ, ยูโด, และคาราเต้

คุณสมบัติเด่น:

  • ผลิตจากวัสดุโฟม XPE คุณภาพสูง แข็งแรงและทนทาน
  • ซับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม ลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ
  • ผิวสัมผัสไม่ลื่น พร้อมแผ่นโฟมด้านล่างที่ช่วยยึดเกาะพื้น
  • เคลื่อนย้ายสะดวก น้ำหนักเบา ม้วนเก็บได้ง่าย
  • มีความหนาให้เลือกตั้งแต่ 1-6 ซม. และสั่งผลิตตามความยาวที่ต้องการได้

การใช้งาน:
เหมาะสำหรับการฝึกซ้อมศิลปะป้องกันตัว พิลาทิส หรือออกกำลังกายอื่น ๆ ที่ต้องการพื้นที่รองรับแรงกระแทก

ทำไมต้องเลือก Strong Floor?

  1. คุณภาพระดับสากล: สินค้าทุกชิ้นผ่านการรับรองมาตรฐาน พร้อมการออกแบบที่เหมาะสมกับการฝึกศิลปะป้องกันตัว
  2. บริการครบวงจร: เราให้บริการตั้งแต่การให้คำปรึกษา ติดตั้ง จนถึงการดูแลหลังการขาย
  3. ปรับแต่งได้ตามต้องการ: สามารถสั่งผลิตสินค้าพร้อม Screen Logo เพื่อสร้างเอกลักษณ์เฉพาะของยิมหรือพื้นที่ฝึกซ้อมของคุณ
  4. การันตีความทนทาน: รับประกันสินค้านาน 5 ปี พร้อมบริการหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน

Strong Floor Thailand พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างพื้นที่ฝึกซ้อมที่ปลอดภัยและตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ!

 

การเตรียมตัวก่อนเริ่มเรียนยูยิตสู

ก่อนเริ่มเรียน BJJ ควรเตรียมตัวให้พร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ ต่อไปนี้คือสิ่งที่ควรทราบ:

การเตรียมตัว การเริ่มเรียน ยิวยิตสู

การเตรียมความพร้อมร่างกาย

การเตรียมร่างกายไม่จำเป็นต้องแข็งแรงมากก่อนเริ่ม แต่ควรเตรียมพื้นฐานดังนี้:

  • ออกกำลังกายเบื้องต้น 2-3 สัปดาห์ก่อนเริ่มเรียน
  • ฝึกความยืดหยุ่นพื้นฐาน
  • ปรับการนอนให้เป็นเวลา
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ

การเตรียมตัวก่อนเข้าคลาส

  • ตัดเล็บให้สั้น
  • อาบน้ำก่อนมาซ้อม
  • งดทานอาหารหนัก 2 ชั่วโมงก่อนซ้อม
  • มาถึงยิมก่อนเวลาอย่างน้อย 15 นาที

มารยาทในการฝึก

  • เคารพกฎของยิม
  • แจ้งผู้สอนหากมีอาการบาดเจ็บ
  • ทำความสะอาดร่างกายและอุปกรณ์
  • เช็ดเหงื่อระหว่างการฝึก
  • หยุดทันทีเมื่อรู้สึกอึดอัดหรือเจ็บ

ข้อควรรู้สำหรับผู้เริ่มต้น

  • ฟังคำแนะนำของผู้สอนอย่างตั้งใจ
  • อย่ากลัวที่จะถามหากไม่เข้าใจ
  • เริ่มต้นจากพื้นฐาน ไม่ต้องรีบร้อน
  • จดบันทึกท่าที่เรียนหลังจบคลาส

สิ่งสำคัญที่ต้องจัดเตรียม

  • ชุดฝึกที่เหมาะสม
  • น้ำดื่มเพียงพอ
  • ผ้าเช็ดตัว
  • อุปกรณ์ป้องกันที่จำเป็น

การป้องกันการบาดเจ็บ

  • อบอุ่นร่างกายให้พร้อม
  • ฝึกบนพื้นยางคุณภาพดี (Strong Floor)
  • รู้จักประเมินขีดจำกัดของตัวเอง
  • แจ้งคู่ซ้อมหากรู้สึกไม่สบาย

 

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับยูยิตสู

การเริ่มต้น

Q: อายุเท่าไหร่จึงเหมาะสมที่จะเริ่มเล่น?
A: สามารถเริ่มได้ตั้งแต่อายุ 4 ปีขึ้นไป งานวิจัยพบว่าแต่ละช่วงวัยจะได้ประโยชน์แตกต่างกันไป เด็กจะพัฒนาด้านการเคลื่อนไหวและความมั่นใจ ผู้ใหญ่จะได้ประโยชน์ด้านสุขภาพและการป้องกันตัว

Q: ต้องมีพื้นฐานด้านกีฬาก่อนหรือไม่?
A: ไม่จำเป็น เพราะ BJJ ออกแบบมาให้ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ตั้งแต่พื้นฐาน

ความปลอดภัย

Q: มีโอกาสบาดเจ็บมากแค่ไหน?
A: การบาดเจ็บในยูยิตสูมีอัตราต่ำเมื่อเทียบกับกีฬาปะทะอื่นๆ โดยเฉพาะเมื่อฝึกบนพื้นยางคุณภาพสูงอย่าง Strong Floor และมีผู้สอนที่มีประสบการณ์

Q: ควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนเริ่มฝึก?
A: ควรตรวจสุขภาพเบื้องต้น เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม และศึกษากฎระเบียบของยิม

การพัฒนา

Q: ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะเปลี่ยนสาย?
A: โดยเฉลี่ย:
สายขาวสู่น้ำเงิน: 1-2 ปี / สายน้ำเงินสู่ม่วง: 2-3 ปี / สายม่วงสู่น้ำตาล: 2-3 ปี / สายน้ำตาลสู่ดำ: 2-4 ปี

Q: ควรฝึกบ่อยแค่ไหน?
A: เริ่มต้น 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เมื่อร่างกายปรับตัวได้แล้วสามารถเพิ่มเป็น 4-5 ครั้งต่อสัปดาห์